สมัครสมาชิกใหม่ ติดต่อเรา | หน้าแรก


พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี เนื้อ สัมฤทธิ์ เลข 913 อุดผงพรายกุมาร หลวงปู่แก้ว เกสาโร วัดหนองพะวา

จากกระดาน : พระภาคตะวันออก หมวด : หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี

พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี

พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี

พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี

ข้อมูลพระ เก็บรายการนี้ไว้เป็นรายการโปรด แชร์รายการนี้สู่ facebook แจ้งลบรายการนี้
ตั้งวันที่ : 3 สิงหาคม 2558,15:55น. IP address : 103.10.231.252
ชื่อพระเครื่อง : พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี เนื้อ สัมฤทธิ์ เลข 913 อุดผงพรายกุมาร หลวงปู่แก้ว เกสาโร วัดหนองพะวา
สถานะพระ : โชว์พระเครื่อง
ราคา : 2000
เจ้าของ : prarayong
ร้านค้า : พระภาคตะวันออก[496]
เบอร์โทรติดต่อ : 0895140808,033014915 , Line ID: 0895140808
รายละเอียดเพิ่มเติม : พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี เนื้อ สัมฤทธิ์ เลข 913 อุดผง หลวงปู่แก้ว เกสาโร วัดหนองพะวา บ้านค่าย ระยอง ราคาจองที่วัด 1000 บ.
ในการสร้างวัตถุมงคลรุ่น เก้าแก้ว จินดามณี
ได้มีการนำ ชนวน มวลสาร อันเป็นมงคล จากพระเกจิอาจารย์
ผู้มีนามมงคล ว่า แก้ว มาด้วยกัน 9 ชนิด
รวมเป็น เก้าแก้ว จินดามณี
ดังรายการต่อไปนี้

1 ตะกรุดหลวงพ่อแก้ว วัดสามเรือน ยอดพระเกจิเมืองอยุธยา 2 ดอก
2 เหรียญหลวงพ่อแก้ว วัดหัวนา เหรียญที่เหนียวที่สุด ในเพชรบุรี 1เหรียญ
3 ผงพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล ยอดผงที่เป็นยอดแห่งปราถนาของคนทั้งปวง
4 แผ่นจารหลวงพ่อแก้งวัดมฤคทัยวัน ทายาทพุทธาคมหลวงพ่อทองศุข วัดตโนดหลวง จำนวน 3แผ่น
5 หัวว่านและสายสิญจน์หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย
6 ผงธูปบูชาพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
7 เหรียญหล่อพระพุทธหลวงพ่อแก้ว วัดนางสาว
8 ผงพระปิดตา และ ตะกรุด หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม
9 ผงจินดามีและมวลสารวิเศษ หลวงปู่แก้ว เกสาโร วัดหนองพะวา

หลวงปู่แก้ว รุ่นเก้าแก้วจินดามณี วัดหนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วัตถุประสงค์ บูรณะพระอุโบสถและหอระฆัง
วัตถุมงคล รุ่น เก้าแก้ว จินดามณี
หลวงปู่แก้ว เกสาโร เป็นพระคณาจารย์เพียงรูปเดียว ที่ได้รับคำรับรองจากหลวงปู่ทิม อย่างชัดเจน หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วลีที่ว่า “ท่านแก้ว เขาสำเร็จธาตุ”

นอกจากนี้ หลวงปู่ทิมท่านยังมอบภาระ การสักยันต์และการเสกวัตถุมงคล เครื่องรางอีกหลายอย่าง ให้กับหลวงปู่แก้ว จัดการแทน แต่ท่านก็ทำทุกอย่างแบบเงียบๆ อย่างเสือซ่อนเล็บ ด้วยความเคารพ ความยกย่อง ในองค์หลวงปู่ทิม ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน ไม่อยากให้ตัวท่านเอง ไปเทียบเท่าหลวงปู่ทิม ทั้งที่องค์หลวงปู่ทิม ท่านก็ยืนยันด้วยตัวเอง ถึงความเก่ง ความเข้มขลัง ของหลวงปู่แก้ว จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าหลวงปู่แก้ว เป็นพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณธรรม มีปฏิปทาอันงดงาม เหมาะแก่การกราบไหว้ หากไม่มีวลีที่หลวงปู่ทิม เคยกล่าวรับรองหลวงปู่แก้วไว้ พวกเรา คนรุ่นหลัง ก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จัก เสือซ่อนเล็บ ที่แค่ปัสสาวะ ยังเหนียวจนยิงไม่ออก, ที่เสกผ้าเช็ดหน้า เป็นกระต่ายออกวิ่งได้ อย่างหลวงปู่แก้ว เกสาโร เลย

ในบั้นปลายชีวิต หลวงปู่แก้ว ท่านได้ย้ายมาพักจำพรรษา อยู่ ณ วัดหนองพะวา จังหวัดระยอง และที่วัดนี้เอง ได้มีการจัดสร้างพระกริ่งเก้าแก้ว เกสาโร ขึ้น นับเป็นพระกริ่งรุ่นแรกของท่าน การจัดสร้าง และการปลุกเสก เป็นไปอย่างเรียบง่าย ตามอุปนิสัยของหลวงปู่แก้ว ที่รักความสงบ สันโดษ มาชั่วชีวิต หากแต่ว่าในความเรียบง่ายของพิธีนั้น กลับฮือฮา เป็นที่กล่าวถึง ยิ่งไปกว่างานพิธีใหญ่ๆ อีกหลายงาน ทันทีที่พีธีปลุกเสกจบสิ้น หลังจากช่างภาพ นำภาพที่หลวงปู่แก้ว กำลังปลุกเสกอยู่ ไปอัด ก็ได้แต่ตกตะลึง ในสิ่งที่เห็น ในภาพ หลวงปู่แก้ว กำลังนั่งหลับตาสงบนิ่ง ปลุกเสก วัตถุมงคล พระกริ่งเก้าแก้ว อย่างแน่วแน่ ปรากฏ เปลวไฟ พุ่งออกมาจากจมูกของหลวงปู่แก้ว เปลวไฟมีความแรงยิ่งไปเสียกว่าแสงเทียนที่จุดไว้ในพิธีเสียอีก ทำให้หลายคน ได้ย้อนกลับไปคิดถึงวลี ที่หลวงปู่ทิม ได้เคยยกย่องหลวงปู่แก้ว ไว้ว่า “ท่านแก้ว เขาสำเร็จธาตุ” ไม่แปลกเลย ที่เตโชธาตุ คือธาตุไฟ ที่ท่านกำหนดอธิษฐานปลุกเสกพระกริ่งเก้าแก้ว จะลุกโชน จนอุปกรณ์อย่างกล้องถ่ายรูป จับภาพไว้ได้ ไม่แปลกเลย ที่ปัจจุบัน ค่านิยมในพระกริ่งเก้าแก้ว ที่หลวงปู่แก้ว ปลุกเสกไว้ จะพุ่งทะยานสูงขึ้นเป็นหลายหมื่นบาทแล้ว

เมื่อครั้งที่หลวงปู่แก้ว ยังมีชีวิตอยู่ นอกเหนือจากการสร้างพระกริ่งแล้ว ท่านยังมีวิชาดีติดตัวมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเสือ ก่อนบวช นั่นคือวิชาเมตตามหานิยม กล่าวกันว่า นอกจากท่านจะมีวิชาคงกระพัน แคล้วคลาด สามารถหลบหนีตำรวจ และศาสตราวุธ รอดตัวมาได้จนท่านกลับใจเข้ามาบวช แล้ว ท่านยังมี เมีย ไปเกือบทุกที่ ที่ท่านเดินทางไป ด้วยวิชาเมตตามหานิยม ที่มีติดตัวท่านนั่นเอง วิชาเมตตามหานิยม ที่โดดเด่นที่สุด คือ จินดามณี ซึ่งหลวงปู่แก้ว ท่านได้ทำผงจินดามณี นี้ไว้ จำนวนหนึ่ง ไว้ใช้ในการสร้างวัตถุมงคล อาทิ พระขุนแผน และพระพิมพ์อื่นๆ ผงจินดามณีนี้ ชาวบ้านแถบวัดละหารไร่ และวัดหนองพะวา ต่างก็รู้ในอานุภาพ ว่า เข้มขลัง รุนแรง ไม่แพ้ผงพรายกุมาร ของพระอาจารย์ของท่าน คือ หลวงปู่ทิม เลย ก่อนหลวงปู่แก้ว จะมรณภาพ ท่านก็ได้มอบผงจินดามณี ที่ยังเหลืออยู่ พร้อมกับสีผึ้ง แป้งเสก เม็ดแร่ และมวลสารอันเป็นมงคลหลายอย่างที่ท่านได้เก็บรวบรวมและปลุกเสกไว้ กับหลวงพ่อนาค นาคเสโน เจ้าอาวาสวัดหนองพะวา ไว้ให้เป็นสมบัติของวัดหนองพะวา ต่อไป
กาลเวลาผ่านมาเกือบ 30 ปี อุโบสถวัดหนองพะวา ก็เริ่มชำรุดทรุดโทรม น้ำรั่ว หลังคาซึม ทำให้อุโบสถชั้นล่าง ไม่สามารถใช้งานได้ อุโบสถชั้นบน สีก็เริ่มลอก ปูนก็เริ่มร้าว สมควรได้รับการปฏิสังขรณ์ เพื่อให้พระภิกษุสามเณร สามารถกลับมาทำข้อปฏิบัติ บรรพชาอุปสมบท สวดปาฏิโมกข์ ทำวัตรเช้าเย็น ได้ตามปกติ ทั้งหอระฆัง ที่เป็นที่แจ้งเตือนสัญญาณเวลา ทำข้อปฏิบัติของสงฆ์ ก็เพิ่งเริ่มก่อสร้าง ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสอันดี ที่พระอาจารย์วิสิทธินนท์ ธัมมทีโป เจ้าอาวาสวัดหนองพะวา รูปปัจจุบัน จะได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น เก้าแก้ว จินดามณี ขึ้น เพื่อนำรายได้ไปซ่อมแซมอุโบสถ และสร้างหอระฆัง ให้เสร็จเรียบร้อย

พระกริ่งเก้าแก้ว จินดามณี ได้จัดสร้างตามแบบพระกริ่งเก้าแก้ว ของหลวงปู่แก้ว เกสาโร โดยได้รวบรวมชนวนพระกริ่งรุ่นสำคัญๆ ของสายภาคตะวันออก และชนวนศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ มาหล่อขึ้นเป็นองค์พระ โดยจะมีพิธีเททองหล่อ นำฤกษ์ ขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน 2556 และได้นำเอาผงจินดามณี อันเป็นสุดยอดผงมหาวิเศษ ของหลวงปู่แก้ว ที่หลวงปู่นาค ได้มอบต่อไว้ให้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ผสมกับผงพุทธคุณ ผงอิทธิเจ สีผึ้ง เม็ดแร่ ที่หลวงปู่แก้ว ได้ปลุกเสกไว้ และยังมีผงอังคาร และเส้นเกศาของหลวงปู่แก้ว ผสมกัน นำมาอุดก้นพระกริ่ง ทุกองค์ จึงเป็นสุดยอดแห่งพระกริ่ง ที่รวบรวมชนวน มวลสาร ของหลวงปู่แก้ว ที่ท่านได้เสกไว้ และมวลสารสำคัญๆในสายหลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว ไว้อย่างครบถ้วนที่สุด เท่าที่เคยมีมา

ในสมัยหลวงปู่แก้ว ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ปลุกเสก หนุมาน เนื้อตะกั่ว ไว้ครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับในประสบการณ์ว่า ไม่เป็นรองหนุมานที่หลวงปู่ทิม ได้ปลุกเสกเอาไว้เลย ในโอกสาอันดีนี้ วัดหนองพะวาจึงได้จัดสร้างหนุมานคาบแก้ว ขึ้นมา เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้เช่าบูชา นำไปบูชาติดตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันตัว หนุมานทุกองค์ จะนำผงอันเป็นมงคล เช่นเดียวกับที่ใช้อุดพระกริ่ง มาอุดด้วย เพื่อเพิ่มความเข้มขลัง เพื่มอิทธิฤทธิ์ ให้ผู้นำไปใช้บูชาเห็นผล

พระขุนแผนจินดามณี เป็นพระขุนแผนพิมพ์ไข่ผ่า อย่างที่หลวงปู่แก้ว ท่านเคยสร้างไว้ เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบัน ราคาเริ่มทะยานไปไกลแล้ว ในโอกาสนี้ ได้นำมวลสาร ทั้งหมดที่หลวงปู่แก้ว มอบไว้ให้กับวัดหนองพะวา และมวลสารสำคัญจากที่อื่นๆ มาผสมรวมกัน กดขึ้นเป็นพิมพ์พระขุนแผนไข่ผ่า อันจะมีอานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม เป็นหลัก ตามจริตนิสัยของพ่อขุนแผน ที่เก่งทั้งรบ เก่งทั้งรัก

ล็อกเก็ตหลวงปู่แก้ว เกสาโร ครั้งนี้ จัดสร้างขึ้นเป็นวาระแรก เพียง 132 องค์ หลังจากที่มีการจัดสร้างในสมัยหลวงปู่แก้วยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมีค่านิยมทะลุหลายหมื่นบาทไปแล้ว ทั้งจะหาของแท้ๆ ก็ยากยิ่ง ในวาระนี้ จึงได้สร้างล็อกเก็ตหลวงปู่แก้ว เกสาโร ขึ้น โดยด้านหลัง ได้นำผงจินดามณี ผงอิทธิเจ เม็ดแร่ สีผึ้ง แป้งเสก เส้นเกศา อัฐิ ผงอังคาร ของหลวงปู่แก้ว มาอุดไว้ด้านหลัง นับว่าเป็นล็อกเก็ตที่มีมวลสาร มากที่สุดตั้งแต่เคยจัดสร้างมา เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้ลูกศิษย์ได้ระลึกถึงหลวงปู่แก้ว นำมาพกบูชาติดตัว คุ้มครองป้องกันภัย เป็นสังฆานุสติอันยอดยิ่ง

ในวันเททองหล่อนำฤกษ์ วันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน 2556 นี้ นอกเหนือจากพิธีเททองฯ แล้ว ยังมีพิธีสำคัญอีกพิธีหนึ่ง คือพิธีบูชาครูบูรพาจารย์ สายภาคตะวันออก อันมี หลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว หลวงพ่อนาค เป็นต้น เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมพิธี แก่ผู้เคารพบูชาครูบาอาจารย์ โดยพิธีจะเริ่มตั้งแต่ เวลา 8.39 น. เป็นต้นไป จึงขอเชิญทุกท่าน ร่วมพิธีในวัน และเวลาดังกล่าว ณ วัดหนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยพร้อมเพรียงกัน
หลวงปู่แก้ว วัดละหารไร่ ศิษย์สร้างถวาย ปี 2519 พิมพ์พระพุทธหลังยันต์ห้า "สร้างน้อยมาก 300องค์"
หลวงปู่แก้ว เกสาโร
พระภิกษุชรา อายุ๑๐๔ปี ไฟออกจมูกขณะเจริญธาตุ ปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว หลวงปู่แก้ว เกสาโร พระภิกษุชราอายุ ๑๐๔ ปี ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและศิษย์ของหลวงปู่ทิม ท่านใช้ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เจริญภาวนาตั้งแต่เริ่มเล่าเรียนวิทยาการทางไสยศาสตร์จนบังเกิดอาคมเข้มขลัง ฮึกเฮิมจนกลายเป็นเสือปล้นในที่สุด จนบั้นปลายชีวิตของท่านได้หันเข้าหาบวรพุทธศาสนาบวชตั้งแต่นั้นมา และก่อนที่หลวงปู่ทิมจะมรณภาพ ท่านสั่งให้หลวงปู่แก้ว เจริญธาตุทั้ง ๔ คือ นะ มะ พะ ทะ ตัวเดิมที่เคยทำให้เกิดฤทธิ์เกิดเดชอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ให้พิจารณาจนถึงแก่นแท้ คือ แม้แต่ธาตุทั้ง ๔ อันเป็นแม่ธาตุใหญ่ของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลก็ยังเป็นเพียงสมมุติต้องแตกดับเช่นกัน ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารเที่ยงแท้แน่นอน ให้พิจารณาจนถึงขั้นธาตุทั้งหลายทั้งปวงที่ประกอบเป็นตัวเราตัวเขาแตกดับเป็นจุล แล้วก็จะหมดสุขหมดทุกข์ได้เช่นกัน เรียกว่า เจริญพระกรรมฐานธาตุ
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๒.๑๙น. ได้เกิดพระกริ่งขึ้นชนิดหนึ่งถอดแบบจากพระกริ่งจีนเล็กรุ่นหนึ่งของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อหล่อหลอมเนื้อผสมด้วยดีบุก ตามเคล็ดที่หลวงปู่แก้ว บอกว่า ดีแล้วจึงบุก ก็ต้องเอาดีบุกผสม นำไปถวายหลวงปู่แก้วเพื่อปลุกเสกบรรจุพุทธานุภาพ โดยทำพิธีบวงสรวงประกอบด้วยหัวหมู บายศรี ราชวัตร ฉัตรธง ภายในกุฏิของหลวงปู่แก้ว ในการประกอบพิธีกรรมครั้งนี้ได้มีการบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้ด้วย มีการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพชนิดดียี่ห้อนิคคอน เอฟเอ็ม๒ ภาพที่ถ่ายทุกภาพใช้แฟลทไลท์ช่วยเพราะในห้องหลวงปู่แก้วค่อนข้างมืด และก็เป็นการมหัศจรรย์ มีภาพๆหนึ่งที่ถ่ายในพิธีการครั้งนี้ เกิดความแปลกประหลาด จนยากจะหาเหตุผลธรรมดามาพิสูจน์ได้ คือ มีภาพหลวงปู่แก้วอยู่ภาพหนึ่ง ปรากฏมีแสงไฟพุ่งออกจากจมูกของหลวงปู่แก้วเป็นช่อดวงไฟ ช่อมีความสว่างกว่าแสงเปลวเทียนที่จุดประกอบพิธีหลายเท่า
เมื่อปรากฏภาพนี้เกิดขึ้น พิจารณาจากฟิล์มต้นฉบับพร้อมทบทวนเหตุการณ์ปรากฏว่า แม้แต่ในฟิล์มเองก็มีลำแสงไฟนี้ด้วย และพยายามพิสูจน์กันหลายๆสิบตาจนในที่สุดต่างก็ยอมรับว่าภาพนี้ไม่มีการตบแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด เกิดเองตามธรรมชาติ ชนิดนอกเหตุเหนือผล เพราะแสดงไฟที่ปรากฏขึ้นทุกคนไม่มีใครเห็นด้วยตาเปล่าหรือตาเนื้อเลยในขณะประกอบพิธีและถ่ายภาพ เมื่อปรากฏภาพนี้ขึ้นได้แล้ว
เมื่อวันไปรับพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรชุดนี้กลับเมื่อ พฤหัสบดีที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ รวมเวลาที่หลวงปู่แก้วปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรทุกคืนแล้ว เป็นเวลานานถึง ๕๖ คืน เท่ากับกำลัง ๕๖ ของพระพุทธคุณ
การสร้างพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด เมื่อหลวงปู่แก้วปลุกเสกเสร็จแล้วก็จะนำไปให้หลวงพ่อเริ่ม ปรโม ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอีกองค์หนึ่งในภาคตะวันออกปลุกเสกอีกองค์หนึ่ง แต่เมื่อนำหีบใส่พระกริ่งทั้งหมดไปให้หลวงพ่อเริ่มๆ ท่านเห็นแล้วบอกว่าไม่ต้องปลุกเสกอีกแล้ว หลวงปู่แก้วท่านทำไว้ดีแล้ว สุดยอดแล้ว แต่เพื่อให้สมกับชื่อที่ตั้งไว้ว่าเป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด ระหว่างหลวงเก่งแต่ไม่ดัง(คือหลวงปู่แก้ว) และหลวงพ่อทั้งดังทั้งเก่ง(คือหลวงพ่อเริ่ม) หลวงพ่อเริ่มท่านจึงอัญเชิญครูบาอาจารย์ สวดสรรเสริญพุทธคุณให้ดังๆจบหนึ่ง
ท่านบอกว่าหลวงปู่แก้วทำไว้ดีสุดยอดแล้ว เมื่อวันไปรับพระกริ่งชุดนี้จากหลวงปู่แก้ว ก็ได้นำภาพ ๔ สีซึ่งเป็นภาพที่ปรากฏไฟออกทางจมูกให้ท่านดูด้วย ปกติหลวงปู่แก้วท่านตามืดสนิทมองภาพอะไรต่อมิอะไรด้วยตาเนื้อไม่เห็นแล้ว แต่ผมก็ยกภาพวางไว้ต่อหน้าท่าน ท่านมีอาการสงบนิ่งเงียบมาก สักครู่ก็พูดออกมาว่า แปลกดีเป็นเรื่องที่เกิดเหนือเหตุเหนือผลเวลาที่นี่ (นี่คือสรรพนามที่ท่านเรียกตัวท่านเอง)
ปลุกเสกก็เริ่มจากธาตุทั้ง ๔ เต็มที่แล้วก็เรียกอาการ ๓๒ ให้บังเกิดเป็นภาพนิมิตเป็นกายสิทธิ์ เพื่อประกอบเป็นองค์พระขึ้นมา เพื่อให้มีชีวิตจิตใจจะเรียกว่าเป็นการปลุกให้บังเกิดเทพขึ้นมารักษาหรือประจำพระกริ่งชุดนี้ก็ได้ หลวงปู่แก้วท่านกล่าวให้ฟังอย่างนี้ เมื่อถามท่านอีกว่า แล้วภาพไฟที่พุ่งออกจากจมูกท่านเกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านบอกว่าเวลา เจริญธาตุทั้ง ๔ นะ มะ พะ ทะ หรือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เต็มที่นั้น ถ้าใครได้ตาใน(คงจะหมายถึงตาทิพย์) ก็จะเห็นแสงไฟคลุมพระเครื่องนั้นทั้งหมด กล้องถ่ายรูปมันก็เป็นตาวิเศษเลยจับภาพนั้นได้ นับเป็นการประหลาดที่ยากจะอธิบายด้วยเหตุผลธรรมดาๆได้
นอกจากนั้นยังได้เรียนถามหลวงปู่แก้วถึงการปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร นี้ต่อไปอีกว่า นอกจากเจริญธาตุ เรียกอาการ๓๒ แล้ว หลวงปู่ปลุกเสกอย่างไรอีก ท่านบอกว่า ใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาทั้งหมดบรรจุเข้าไปด้วย แล้วสวดบรรจุด้วยอำนาจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทุกบทที่ใช้อยู่สวดอยู่ รวมทั้งชินบัญชรคาถาที่กล่าวอัญเชิญอานุภาพของพระอรหันต์มาบรรจุลงด้วย เสร็จแล้วก็สวดบรรจุด้วยยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏกทุกคืน ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏกนี้สำคัญมากกล่าวถึงพุทธานุภาพทุกอย่างตั้งแต่ โสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล ไปจนถึง อรหันต์มรรค อรหันต์ผล
สุดท้ายหลวงปู่แก้วท่านบอกว่า ท่านเข้าสทาคามีผลเสก ซึ่งทำให้คิดได้ว่า หลวงปู่แก้วอย่างน้อยท่านคงบรรลุคุณธรรมขั้นสทาคามีผลแน่ ท่านจึงเอาคุณธรรมที่ท่านบรรลุบรรจุเข้าไว้ในพระกริ่งชุดนี้ด้วย เพราะท่านเคยบอกว่า ท่านพิจารณาธาตุทั้ง ๔ ตามที่คุณพ่อสอน (หมายถึงหลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้วแม้จะอายุอ่อนกว่าหลวงปู่ทิมเพียง๒ ปีและเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ท่านเรียกหลวงปู่ทิม ว่าท่านพ่อหรือคุณพ่อ ด้วยความเคารพทุกคำ) จนดับสุขดับทุกข์หมดแล้วจิตมันเฉยๆ
แม้ตาท่านจะมองไม่เห็น ก็ไม่เป็นทุกข์เวลาจะเบา(ปัสสาวะ) แม้จะเจ็บปวดทรมานมาหลายปีก็ไม่เป็นทุกข์ จิตมันเฉยๆ ท่านบอกว่าท่านนึกถึงทางนิพพานทุกลมหายใจเข้าออกไม่เคยลืม!
ก่อนที่จะรับพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร กลับได้เรียนถามหลวงปู่แก้วว่า พระกริ่งนี้ดีทางไหน ท่านบอกว่าดีทุกทางแล้วแต่จะนึกเอา (อธิษฐานเวลาใช้) นับเป็นพระเครื่องชั้นสุดยอดของท่านและท่านบอกว่า ต่อจากนี้ไปท่านจะไม่ปลุกเสกพระเครื่องอะไรอีกแล้ว เพราะสังขารมันแก่เต็มที จนจะไม่ไหวแล้ว
พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรจึงเป็นพระกริ่งรุ่นแรกและรุ่นสุดท้ายหรือรุ่นเดียวของท่าน คุณชินพร สุขสถิตย์ เองแม้จะเป็นผู้สร้างเหรียญรุ่นแรกตอนหลวงปู่แก้วอายุ ๙๔ ปีเมื่อปี ๒๕๑๘ มาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม ก็ยังไม่กล้าจะสร้างอะไรต่อมิอะไรของหลวงปู่แก้วออกมาอีกเพราะกลัวญาติโยมจะไม่ศรัทธา จวบจนเมื่ออีก ๑๐ปี ให้หลังท่านบอกให้สร้างรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งออกจำหน่ายเมื่อปลายเดือนกรกฏาคม ๒๕๒๗ นี้
เพื่อจะได้หาเงินไว้ทำศพท่านเพราะหลวงปู่แก้วท่านเป็นพระจนๆ ลูกหลานก็ล้วนแต่ยากจน เมื่อท่านมรณภาพแล้วท่านคงเกรงว่าจะทำความเดือดร้อนให้ลูกหลาน จึงให้สร้างรูปหล่อรุ่นแรกของท่านขึ้นเพื่อเตรียม หาปัจจัยไว้ทำศพท่าน
เมื่อสร้างรูปเหมือนรุ่นแรกนี้แล้วก็มีเหตุแปลกๆที่ให้เชื่อว่า หลวงปู่แก้วท่านไม่ใช่พระแก่ๆ ธรรมดาๆ เป็นแน่เพราะมีข้อสังเกตุที่จดจำได้ดังนี้
๑. เมื่อท่านขอให้สร้างรูปเหมือนรุ่นแรก ขณะนั้นท่านมีอายุ ๑๐๓ปีเต็มแล้ว แต่ท่านเจาะจงหาจารึกไว้ที่หลังรูปเหมือนว่า อายุ ๑๐๑ปี โดยท่านบอกว่าท่านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ให้ใส่เลข ๑๐๑ เพื่อเป็นการระลึกถึงบ้านเกิดท่าน และท่านเน้นว่าเลข ๑๐๑ เป็นเลขดี เสร็จแล้วนำรูปหล่อของท่านให้บูชา เมื่อ ๑๓ กรกฏาคม ๒๕๒๗ ผู้ที่เช่าไประหว่างนั้น ถ้าชอบเล่นหวยทั้งใต้ดินบนดินมักจะถูกหวยทุกราย เพราะหวยรัฐบาลเลขท้าย ๒ ตัวงวดวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๗ ออก ๐๑
๒. รูปหล่อหลวงปู่แก้วออกจำหน่ายหมดในเวลาไม่นานนักนำรายอื่นๆไปชนิดกินขาด ทั้งๆที่เรื่องราวของหลวงปู่แก้วเงียบหายไปจากความทรงจำของนักนิยมพระเครื่องมากว่า ๑๐ปีแล้ว
๓. มีผู้ใช้หลายรายประสบเหตุการณ์หลายอย่างเล่าให้ฟังว่า เรารูปหล่อหลวงปู่แก้วแช่น้ำพรมของๆขายดี ของขายหมดทุกวัน
๔. มีนักลองพระเอาไปทดลองยิงอย่างชนิดเผาขน ปรากฏว่านัดแรกยิงออกแต่ไม่ถูก นัดที่สองจ่อเข้าไปใกล้ๆเกิดยิงไม่ออก
๕. หลายรายปรากฏว่ามีโชคลาภติดๆกัน มีอยู่รายหนึ่งเกิดจำเป็นต้องใช้เงิน และหาไม่ได้ ตกกลางคืนนำรูปหล่อมาจุดอธิษฐานขอโชคลาภ
จดหมายมาเล่าให้ฟังว่า ธูปงอเป็นเลข ๑ กับเลข ๓ จึงแทง ๑๓ หวยรัฐบาลก็ออกตามนั้น
๖. เมื่อหล่อรูปเหมือนชุดนันเสร็จ นำไปให้หลวงปู่แก้วดู ตาท่านมองไม่เห็นแต่ท่านหยิบมาคลำๆ ตรงหน้า ท่านบอกว่า เหมือนแต่หนุ่มไปหน่อย ปากทำได้คล้ายมาก ก็เมื่อตาท่านบอดสนิทมองไม่เห็นแล้ว แต่ท่านบอกได้อย่างไรว่าช่างแกะปากท่านเหมือนแต่หนุ่มไปหน่อย เพราะนำภาพเก่าถ่ายเมื่อตอนอายุท่าน ๙๓ ไปเป็นแบบให้ช่างแกะพิมพ์ พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร นับเป็นพระเครื่องชุดสุดท้ายที่หลวงปู่แก้วปลุกเสกให้อย่างเต็มใจ เป็นพิเศษนานถึง ๕๖ วันอันเท่ากับกำลังพระพุทธคุณ
ลูกชายคนสุดท้องของหลวงปู่แก้วซึ่งมีนิวาสถานอยู่ติดกับวัดหนองพวา เป็นผู้ดูแลรับใช้หลวงปู่แก้วอย่างใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า
ตั้งแต่คืนวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๗ จนถึงคืน วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๗ รวมเวลา ๕๖คืนเต็ม ตั้งแต่เวลาสองนาฬิกา หลวงปู่แก้วจะลุกขึ้นนั่งทำสมาธิแล้วปลุกเสกพระกริ่งซึ่งบรรจุไว้ในหีบเหล็กทุกคืนมิได้ขาด เช้าบางวันหลวงปู่แก้วจะเอาศีรษะของท่านซบอยู่บนหีบเหล็กในลักษณะใช้มือทั้งสองข้างแตะหีบเหล็กแล้วปลุกเสกจนหลับไป
แต่เข้าใจว่าท่านคงเข้าสมาธิถึงขั้นสุดยอดโดยเอาหน้าของท่านพาดไว้กับหีบเหล็กมากกว่า เพราะปกติเวลาหลวงปู่แก้วนั่งท่านจะก้มหน้าลงมามาก
เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ เป็นวันที่ไปรับพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เมื่อไปถึงคณะต่างแปลกใจเพราะหลวงปู่แก้ว ท่านนั่งครองจีวรอย่างเรียบร้อยซ้ำกำลังสูบบุหรี่ ซึ่งม้วนจากใบจากอย่างอารมณ์ดี ท่าทีคล้ายนั่งคอยอยู่ รู้สึกว่าท่านแข็งแรงมาก เสร็จแล้วก็มอบหีบเหล็กใส่พระกริ่ง แก่คณะคุณชินพร สุขสถิตย์
พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร ถอดพิมพ์จากพระกริ่งจีนเล็กอันเป็นแบบเดียวกันเจ้าคุณศรี(สนธ์) สร้างเป็นพระกริ่งแล้วประทานชื่อ พระกริ่งจาตุรงคมุนี เมื่อปี ๒๔๙๐ อันจัดเป็นพระกริ่งมีชื่อองค์หนึ่งของสำนักวัดสุทัศน์
พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เป็นพระกริ่งขนาดกระทัดรัดที่ใช้ห้อยคอได้ทั้งหญิงและชาย เพราะขนาดไม่เล็กจนเกินไป และไม่ใหญ่นัก ฐานกว้างสุดที่บัว ๑.๙ ซ.ม. สูงจากฐานล่างถึงพระเกศ ๓.๓ ซ.ม.
มูลเหตูที่ตั้งชื่อว่า พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เพราะพระกริ่งชุดนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๙ ปีของหลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นประการแรก ประการที่สองได้นำวัตถุมงคล ๙ ชนิด ที่มีชื่อว่าแก้ว ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับหลวงปู่แก้ว มาผสมรวมเป็นองค์พระกริ่งชุดนี้ขึ้น
แก้ว เป็นนามอันนับเป็นมงคล เพราะเป็นธาตุที่แข็งและแสดงถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องพ้นจากกิเลสตัณหาและมลทินทั้งสิ้นทั้งปวงชของพระอริยสงฆ์ ซึ่งเรียกว่า ใสประดุจแก้ว จึงเห็นควรที่จะนำเอาวัตถุมงคลที่มีชื่อว่า แก้วมาหลอมร่วมเป็นพระกริ่งชุดนี้ คือ

๑. เศษโลหะจากองค์พระแก้วมรกต ซึ่งกำลังซ่อมบุษบกอยู่โดยนายช่างจากกรมศิลปากรมอบให้
๒. โลหะจากยอดปราสาทวัดพระแก้ว (ได้จากบุคคลเดียวกับข้อ๑)
๓. ตะกรุดวัดพระแก้ว จากหอศาตราคม เป็นตะกรุดโบราณที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่แม่ทัพนายกองเวลา ออกศึก
๔. เมื่ออธิษฐานแล้วหลอมเหรียญพระแก้วมรกตรุ่นฉลองพระนคร ๑๕๐ ปี พ.ศ ๒๔๗๕ ลงไป ๙ เหรียญ และรุ่น ฉลอง ๒๐๐ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อีก ๙ เหรียญ
๕. แผ่นยันต์ผ้า และเหรียญหลวงปู่แก้ว(พระเทพสาครมุนี) วัดช่องลม สมุทรสาคร
๖. เหรียญอาจารย์แก้ว คำวิทูร ฆราวาสผู้เรืองนาม
๗. พระปิดตาเนื้อตะกั่วค่อนข้างชำรุด ของหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
๘. น้ำในสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา ใช้สำหรับแช่พระกริ่งในระหว่างหล่อเป็นองค์พระ
๙. วัตถุมงคลของหลวงปู่แก้ว เกสาโร ซึ่งได้สร้างไว้ในรุ่นก่อนๆ พร้อมทั้งแผ่นยันต์และนะซึ่งท่านปลุกเสกให้

นอกจากวัตถุมงคลอันมีนามว่า แก้วทั้ง ๙ สิ่ง แล้วยังได้รวมกับชนวนพระกริ่งชินบัญชร พระชัยฟ้าลั่น พระกริ่งปรโม ของหลวงปู่เริ่ม ตลอดจนเนื้อพระกริ่งปรโม ในส่วนที่เหลือจากหล่อพระกริ่งปรโมและพระชัยบูชาประจำตระกูล พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด คือ หลวงปู่แก้ว เกสาโร และ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม ท่านรู้จักหลวงปู่แก้ว มานานแล้ว เพราะหลวงพ่อเริ่มบวชใหม่ๆ หลวงปู่แก้วท่านยังไม่ได้บวชและเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทางนักเลงจนเรียกว่า เสือ หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า เสือแก้ว เสือที เสือคง เสือฉิ่ง เป็นเสือที่ดังมากในย่าน พนัสนิคม สัตหีบ ศรีราชา ระยอง แกลง ผลที่สุดก็ถูกยิงตายหมด เหลือรอดอยู่แต่ เสือแก้ว คนเดียว ภายหลังได้หันเข้าหาผ้าเหลือง อุทิศตัวรับใช้พระศาสนาและหาทางหลุดพ้น

หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า เมื่อครั้งหลวงปู่แก้วบวชหามีดโกนกันหลายเล่มเพราะ แม้แต่ผมยังโกนไม่เข้า ต้อนทำพิธีถอนกันอยู่นานจึงโกนหัวได้ ท่านบอกว่า ไม่เคยเห็นคนอะไรเหนียวเป็นบ้าเป็นหลัง
พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรจึงเป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด ซึ่งยังไม่มีใครเคยสร้างมาก่อนในยุคพระกริ่งเฟื่องฟู สร้างทั้งหมด ๓ เนื้อ คือ
๑. เนื้อสัมฤทธิเดช สร้างจำนวน ๑,๙๗๘ องค์ เป็นเนื้อผสมของทองเหลืองและดีบุก ขันสัมฤทธิ์เก่าๆ หลวงปู่แก้วท่านเน้นให้เอาดีบุกมาผสมด้วยเพื่อเป็นเคล็ดว่า ดีแล้วจึงบุก ให้เรียกชื่อตามโบราณาจารย์ว่า สัมฤทธิ์เดช เนื้อออกคราบเก่าแบบพระสมัยโบราณ
๒. เนื้อนวโลหะ เป็นเนื้อตามสมัยนิยมในปัจจุบัน เป็นเนื้อที่เหลือจากพระกริ่งปรโม มีจำนวนเพียง ๔๙๙ องค์
๓. เนื้อเงินสัมฤทธิผล เป็นเนื้อของโลหะสัมฤทธิเดช ร้อยละ ๑๕ ผสมกับเนื้อนวโลหะอีกร้อยละ ๗๐ เป็นเนื้อเงินเก่า มีเงินพดด้วง เหรียญเงินรัชกาลที่ ๕ – ๖ -๗ และผสดมด้วยเงินกลมตรายันต์ สร้างน้อยมาเพียง ๓๐ องค์
และในการสร้างพระกริ่งแต่ละครั้งจำนวนมากถึง ๒,๐๐๐ กว่าองค์ก็จะมีพระที่เผื่อชำรุดไว้จำนวนหนึ่ง จึงได้เอาพระกริ่งที่เหลือประมาณ ๒๐๐ กว่าองค์มาอุดด้วยผงจินดามณีของหลวงปู่แก้วและผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่เก็บรักษาไว้ แล้วได้นำเข้าพิธีปลุกเสกในพิธีสำคัญๆ อีกหลายครั้งทั้งของวัดสุทัศน์ วัดบวร พิธีหล่อพระกริ่งมหาโสฬสของหลวงปู่ทิมเมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และได้เข้าพิธีของหลวงพ่อเกษม เขมโกอีกถึง ๓ ครั้ง
และสุดท้ายได้นำไปให้หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร หรือสำเร็จแก้วปลุกเสกพร้อมด้วยล๊อกเก็ตรุ่นแรก (ฝังเหรียญ ร.๙) ในกล่องเดียวกับพระเศรษฐีนวโกฏิ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๓๖ และในครั้งที่เข้าร่วมในพิธีเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส นั้น ได้นำพระกริ่งเก้าแก้วที่อุดผงนี้แช่ไว้ในตุ่มน้ำมนต์ที่ใช้ปักเทียนชัย และได้แช่ทั้งไว้ปีเศษ เมื่อนำพระเหล่านี้ขึ้นมาจากตุ่มน้ำมนต์ ก็ปรากฏว่าผิวพระเหล่านี้มีสนิมสีแดงจับหนาสวยงามมาก จึงเรียกชื่อว่า กริ่งกวนอู ได้ออกให้บูชาในเวลาต่อมา

หลวงปู่แก้วเกสาโร


หลวงปู่แก้วเกสาโร ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระลูกวัดที่จำพรรษาอยู่ที่วัดละหารไร่ ท่านเคยเป็น "เสือ" ปล้นมาก่อน ภายหลังท่านกลับใจจึงหนีมาบวช ตอนที่ท่านบวชอายุมากแล้ว มีเมียหลายสิบคน

หลวงปู่ทิมและหลวงปู่แก้วนั้นท่านมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก อายุหลวงปู่ทิมแก่กว่าหลวงปู่แก้วเพียง 2 ปีเท่านั้น ที่จริงแล้วก่อนบวชนั้นท่านเป็นเพื่อนกัน เพราะหลวงปู่แก้วแม้จะเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ท่านก็มาโตที่ จ.ระยอง

แม้นจะเป็นเพื่อนกันแต่เมื่อหลวงปู่แก้วบวชแล้วท่านเรียก หลวงปู่ทิมว่า คุณพ่อ ทุกคำ
ลุงเช้า คำมี ลูกชายคนโตของ หลวงปู่แก้ว เล่าให้ผมฟังว่า”ที่ฉันโตมาจนอายุเข้า 70 ปีแล้วนี่ก็เพราะท่านพ่อ(หมายถึงหลวงปู่ทิม) เลี่ยงฉันมาตั้งแต่อายุ 5 ขอบ พ่อแก้ว(หมายถึง หลวงปู่แก้ว) อุ้มฉันมาฝากหลวงปู่ทิมเลี้ยงไว้ที่วัดละหารไร่ ตั้งแต่ฉันอายุยังไม่เต็ม 5 ขวบ ท่านพ่อเลี้ยงฉันมาจนโตเป็นหนุ่ม ลุงเช้า คำมี เล่าให้ฟังว่าเมื่อท่านอายุได้ 4-5 ขวบ หลวงปู่แก้วได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเข้ามอบตัวท่านก็อุ้มลูกชายคือ ลุงเช้ามาฝากให้หลวงปู่ทิมเลี้ยงจนเติบใหญ่และครอบครูรับเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาแพทย์แผนโบราณ
หลวงปู่แก้ว เกสาโร เป็นพระที่เก่งมาก ถ้าไม่ติดที่อยู่วัดเดียวกับหลวงปู่ทิม คงโด่งดังระดับประเทศไปแล้ว

ปู่โทน หลำแพ ศิษย์ฆราวาสหลวงปู่เทพโลกอุดร บอก "ยุคนี้ใครก็ได้ลุกขึ้นมาเสกให้ได้อย่างท่านแก้วเถอะวะ"

ท่านเสกพระกริ่งเก้าแก้ว ถ่ายภาพออกมาเห็นเปลวไฟขนาดใหญ่ออกจากจมูก อาจารย์ปถม อาจสาคร เห็นภาพนี้บอกว่า เกจิอาจารย์องค์ไหนปลุกเสกได้ถึงขนาดนี้บ้าง หลวงปู่แก้ว ท่านเก่งเรื่องธาตุมากๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เห็นเปลวไฟดังกล่าว

หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านบอกถึงเคล็ดลับวิธีของการปลุกเสกพระกริ่งของท่านคือ ท่านปลุกเสกตั้งหลายอย่าง ท่านบอกว่าสุดท้าย ท่านได้เข้าสทาคามีผลเสก ภายหลังคณะผู้สร้างได้นำเอาพระกริ่งของท่านไปให้ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ เพื่อทำการปลุกเสกเพิ่มเติม เมื่อหลวงพ่อเริ่ม เพ็งมองไปที่หีบพระกริ่งชั่วครู่ ก็เอ่ยขึ้นว่า “หลวงปู่แก้ว เขาทำเอาไว้สุดยอดแล้ว”
ท่านเอ่ยปากเอาไว้ชัดเจนเลยว่า “ตลอดลมหายใจเข้าออกของท่าน ไม่เคยลืมทางเข้าออกพระนิพพานเลย” แสดงว่า หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านต้องไม่ใช่พระธรรมดาอย่างแน่นอน

หลวงปู่ทิมท่านยกย่องหลวงปู่แก้วมาก ท่านพูดอยู่เสมอว่า "ท่านแก้วมีวิชาสูง ใครอยากได้ของอะไรก็ให้ไปขอกับท่านแก้ว" ซึ่งพอไปขอกับหลวงปู่แก้วทีใด หลวงปู่จะไล่ให้ไปขอคุณพ่อ ซึ่งแสดงถึงท่านกตัญญูต่อคุณพ่อ ให้ความสำคัญต่อหลวงปู่ทิมเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งมีคนนำวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมไปลองยิง พอท่านรู้เข้าท่านพูดว่า "พวกมึงไม่ต้องเอาของคุณพ่อไปลองหรอก ลองมายิงตอไม้ที่กูเยี่ยวรด มันก็ไม่ออกเหมือนกันว่ะ" พวกนั้นเห็นหลวงปู่แก้วท้าเช่นนั้น ก็ลองแอบไปยิงดู ปรากฎว่ายิงไม่ออก ต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมากับหลวงปู่ และจะขอของจากหลวงปู่แก้ว ปรากฎว่าท่านไม่ให้ ท่านไล่ให้ไปเอาที่หลวงปู่ทิม ซึ่งพวกนี้ก็ไปขอที่หลวงปู่ทิม แก่ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะหลวงปู่ทิมท่านั่ง "นิ่งเงียบ" ไม่ยอมพูดกับใครเลย


หลวงปูแก้ว เกสาโร ร่วมรดน้ำพระศพ หลวงปู่ทิม อิสริโก

หลังจากที่หลวงปู่ทิมมรณภาพแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดหนองพะวา ได้มีวัตถุมงคลออกมาหลายชนิดเช่นกัน อาทิเช่น ล็อกเกตรูปเหมือนท่าน หลังฝังเส้นเกศา และพระธาตุ พระกริ่ง 9 แก้ว เหรียญรูปเหมือนปี 18 สีฝึ้งนางหลงเงา ตะกรุดเทพรัญจวน ปรกมะขาม เหรียญปิดตา ฯลฯ
ตะกรุดเทพรัญจวน เป็นวิชาสุดยอดที่หลวงปู่แก้วตั้งใจสร้างให้ คุณอนุชิต ตั้งความเพียร ที่ได้อุปการะดูแลหลวงปู่แก้วมาตลอดจนท่านมรณภาพ หลวงปู่ได้ทำไว้เพื่อตอนแทนคุณความดีของลูกศิษย์คนนี้ ที่ได้สละมาดูแลท่านอยู่ที่วัดหนองพะวา ท่านจะบอกคุณอนุชิตว่า "ตะกรุดเทพรัญจวนนี้ท่านเรียนมาจากหลวงปู่ทิม" ไม่ทำให้ใคร ดีทางเมตตา-มหานิยม ใช้ติดตัวเป็นที่รักแก่บุคคลผู้อื่นและบุคคลทั้งหลาย นำตะกรุดนี้แช่ในน้ำหอมปลุกเสกโดยคาถาที่ท่านได้มอบให้ 3 ครั้งนำน้ำมันหอมนี้มาตัวทาที่คิ้วไปไหนเป็นที่รักแก่เพศตรงข้าม จะให้ใครก็ต้องดูว่า เป็น "คนดี" หรือเปล่า จึงค่อยให้ไป มิฉะนั้นจะเป็นบาปทีหลัง

คัดลอกจาก นสพ.คม ชัดลึก วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ โดย ไตรเทพ ไกรงู

“พระปิดตา” มีลักษณะเด่น คือ พระอ้วนลงพุง พระกรหรือมือปิดส่วนต่างๆ เช่น ใบหน้า หู สะดือ และทวาร ซึ่งเป็นการสร้างจำลองลักษณะของ “พระภควัมบดี” หรือ "พระภควัมปติ" อันเป็นอีกนามหนึ่งของพระสังกัจจายน์ โดยมีคติความเชื่อว่า "มีพุทธคุณในเรื่องคงกระพันมหาอุตม์ เมตตาค้าขาย และเสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชา"
ในจำนวนพระปิดตาของพระเกจิอาจารย์แต่โบร่ำโบราณที่ขึ้นชื่อลือเลื่องจากหลายๆ สำนัก พระปิดตาเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นสุดยอดของพระปิดตาด้วยกันก็คือ "พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี" ซึ่งเป็นสุดยอดพระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก ทั้งนี้เมื่อ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา มีการเช่าซื้อพระปิดตาหลวงพ่อแก้วเป็นข่าวสนั่นวงการพระเครื่อง คือ พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ ๒ องค์ ในราคา ๒๕ ล้านบาท และ ๓๐ ล้านบาท
ประวัติการเกิดของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ไม่ได้มีหลักฐานบันทึกเอาไว้แน่นอน มีแต่เรื่องราวบอกกล่าวของลูกศิษย์ในยุคอดีต เล่าต่อๆ กันมาว่า เดิมท่านเป็นชาว จ.เพชรบุรี เกิดในราวๆ พ.ศ.๒๓๔๐ และมรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑ ทั้งนี้ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายประเภท หลายแบบพิมพ์ มีทั้งรูปแบบพระสังกัจจายน์ และรูปแบบพระปิดตา ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากเป็นที่สุด
วงการพระจึงได้จัดพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ให้อยู่ในชุดเบญจภาคีอันดับ ๑ ในพระชุดปิดตา และได้กำหนดแบบพิมพ์มาตรฐานสากล ได้รับความนิยมทั่วไป มีดังนี้
พระปิดตา พิมพ์ใหญ่
พระปิดตา พิมพ์กลาง และ
พระปิดตา พิมพ์เล็ก
ส่วนด้านหลังองค์พระทั้ง ๓ พิมพ์นี้ เท่าที่พบเห็นมี ๓ แบบ ๓ พิมพ์เช่นกัน คือ
เป็นแบบหลังรูปพระปิดตา (หลังแบบ)
เป็นแบบหลังยันต์
เป็นแบบหลังเรียบ หรือหลังเบี้ย

“พระปิดตาหลวงปู่แก้วเป็นพระที่สร้างมายุคเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆัง อายุการสร้างประมาณ ๑๕๐-๑๘๐ปี ขณะเดียวกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่า เป็นพระเครื่องที่ขึ้นชื่อว่าพุทธคุณสุดยอดของมหาเสน่ห์ สูงสุดกว่าพระเครื่องทุกชนิด ถ้าไม่มีพุทธคุณจริงสมคำร่ำลือใครจะกล้าไปเช่าองค์ละ ๒๕-๓๐ ล้านบาท”

นี้เป็นคำอธิบายของ นายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ อั๊ง เมืองชล อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย คนล่าสุด และหนึ่งในกรรมการตัดสินพระชุดเบญจภาคี ที่คร่ำหวอดในวงการพระเครื่องมาเกือบ ๔ ทศวรรษ
อั๊ง เมืองชล ยังบอกด้วยว่า ความเป็นเมตตามหานิยมของพระปิดตาหลวงปู่แก้ว ถึงกับมีเรื่องเล่ากันว่า ในสมัยโบราณหากใครทำพระปิดตาตกลงไปในตุ่มน้ำ หากใครได้กินน้ำเข้าไปจะคิดถึงแต่คนที่เป็นเจ้าของพระ เพราะการสร้างของท่านได้ใส่ไม้ไก่กุก หรือ ไม้กุ๊กไก่ไว้เป็นมวลสารส่วนผสมสำหรับสร้างพระ โดยท่านได้ไม้ไก่กุกระหว่างออกเดินธุดงค์ ซึ่งหากไก่ตัวใดกินไม้ชนิดนี้เข้าไปจะไม่ยอมไปไหน จะหากินอยู่แต่ใกล้ไม้ไก่กุกเท่านั้น

สำหรับค่านิยมในการเช่าพระปิดตาทั้ง ๒ องค์นั้น เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ ราคาอยู่ที่ประมาณ ๒-๓ แสนบาท จากนั้นค่านิยมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๕๐ มีการเช่าซื้อกันในราคา ๑๕ ล้านบาท และล่าสุดทั้ง ๒ องค์มีการเช่ากันในรอบ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา คือ องค์หนึ่ง ๒๕ ล้านบาท และ ๓๐ ล้านบาท ค่านิยมพระปิดตาหลวงปู่แก้วระดับนี้มีอยู่ไม่เกิน ๑๐ องค์ ที่หมุนเวียนกันอยู่ในวงการพระเครื่อง ส่วนองค์อื่นๆ หากเป็นของแท้ก็ต้องไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาทเช่นกัน
“ช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมานี้ มีใบสั่งซื้อพระปิดตาหลวงปู่แก้ว ทั้งเศรษฐีและเซียนพระชนิดที่เรียกว่า เซียนหาให้ไม่ทัน เมื่อแย่งกันเช่าราคาจึงสูงขึ้น และหากการเมืองสงบ เศรษฐกิจดี อีก ๒-๓ ปีข้างหน้า พระทั้ง ๒ องค์นี้น่าจะขยับไปถึงหลัก ๔๐-๕๐ ล้านบาท และเท่าที่รู้คนเช่าเพื่อไปแขวน มิได้เช่าเพื่อฝากเก็บไว้ในเซฟของธนาคาร” อั๊ง เมืองชล กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเช่าพระปิดตาองค์เดียวในราคา ๒๕-๓๐ ล้านบาท คนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะคนที่อยู่นอกวงการพระเครื่องอาจจะมองว่า “งมงาย ไม่รู้จักใช้เงิน” ทั้งนี้ อั๊ง เมืองชล พูดไว้อย่างน่าคิดว่า “คนกรุงเทพย่อมรู้ว่าที่ดินย่านสีลมตารางวาละ ๗ แสนบาท ๑๐๐ ตารางวาซึ่งท่ากับ ๑ งานก็ปาไป ๗๐ ล้านบาท คนบ้านนอก คนต่างจังหวัดอาจจะมองว่าที่ ๑ งานจะเอาไปทำอะไรได้ คนมีปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ว่า ที่เท่านี้มันสร้างประโยชน์ได้มากกว่าที่ ๑๐ ไร่ ๑๐๐ ไร่ในต่างจังหวัด พระเครื่องก็เช่นกัน คนรู้คุณค่าเท่านั้นถึงกล้าซื้อ ที่สำคัญคือ เป็นพระแท้พระยอดนิยมเก็บไว้ไม่มีขาดทุน”

เบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก
พระปิดตา เข้าใจกันว่า มาจากคติการสร้างพระเครื่องของเขมร เผยแพร่เข้าสู่การสร้างพระเครื่องไทย เท่าที่ค้นได้มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เชื่อกันว่าพระปิดตาน่าจะหมายแทนถึง พระอรหันต์อาวุโสองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้าที่มีพระนามว่า "พระควัมปติเถระ"
พระภควัมบดี ถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์-ปุโรหิต แห่งเมืองอุเชนี เนื่องจากวรรณะงดงามดั่งทอง จึงได้รับการขนานนามว่า “กาญจน” ได้ศึกษาไตรเทพจนเจนจบ และเป็นพราหมณ์ปุโรหิตแทนบิดา ในสมัยพระเจ้าจันทร์ปัตโชติ ต่อมาได้มีโอกาสได้ฟังธรรมในสำนักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดความเลื่อมใสและศึกษาธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และอุปสมบทด้วยเอหิภิกขุสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้) ท่านเป็นพระอรหันต์สมัยพุทธกาล มีพุทธลักษณะงดงามละม้ายคล้ายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอัครสาวกรูปหนึ่งที่เพียบพร้อมไปด้วยความเฉลียวฉลาด สามารถอธิบายธรรมได้เยี่ยมยอดแจ่มแจ้ง กว่าพระสาวกองค์อื่นๆ

นอกจากนี้ท่านยังมีรูปร่างและผิวกายงดงามมาก จนได้ชื่อว่า "พระภควัมปติ" อันมีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" ด้วยเหตุที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดอยู่เนืองๆ ไม่เว้นแม้เทวดายังสรรเสริญ ท่านเห็นว่าหากปล่อยไว้ต่อไปจะเป็นการไม่สมควร หรือเกิดความมัวหมองต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น พระภควัมบดี จึงอธิษฐานจิตให้ร่างกลายเปลี่ยนเป็นอ้วน เตี้ย พุงพลุ้ย ดูน่าเกลียด จวบจนนิพพาน
จำนวนผู้เข้าชม : 2821
ข้อมูลการโอนเงิน
ธนาคาร สาขา ชื่อบัญชี เลขบัญชี ประเภทบัญชี
กรุงศรีอยุธยา สาขาสตาร์พลาซ่า ระยอง นายสมาน สุริวงษ์ 435-1-13866-7 ออมทรัพย์


รายการโหวตพระเก๊
สมาชิก shop เท่านั้น ที่มีสิทธิ์ในการโหวตพระเก๊ หากมีคะแนนการโหวตครบ 3 โหวต (ไฟแดงครบ 3 ดวง)
( 1 ไฟแดง = 1 โหวต เก๊ ) ระบบจะลบกระทู้อัตโนมัติ และจะเก็บข้อมูลผู้ที่ทำการโหวต ไว้เป็นความลับ
เพื่อเป็นการ ช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกใหม่ ไม่ให้ถูกหลอกลวง และเป็นการช่วยสร้างสังคมที่ดีแห่งวงการพระเครื่อง


( หากผลโหวตไม่มีความเป็นธรรม โปรดแจ้งหลักฐาน เอกสารไปยังทีมงาน Admin เพื่อตรวจสอบ )


ดูข้อมูลส่วนตัวสมาชิก
prarayong
สมาชิก : vip_shop
ร้าน : พระภาคตะวันออก[496]
ส่งข้อความส่วนตัว (pm)
ดูข้อมูลส่วนตัวสมาชิกท่านนี้
ดูความน่าเชื่อถือ
คะแนนซื้อ-ขาย [+0] , [-0]
คะแนนมหาชน [+0] , [-0]
ตั้งประมูล [0] ,เสนอราคา [0]
ให้คะแนนมหาชน
ให้คะแนน



ตอบกระทู้ : พระกริ่ง รุ่นเก้วแก้ว จินดามณี เนื้อ สัมฤทธิ์ เลข 913 อุดผงพรายกุมาร หลวงปู่แก้ว เกสาโร วัดหนองพะวา
1. เพิ่มรายละเอียดสินค้า
รายละเอียด : กรุณา สมัครสมาชิก หรือ Login เข้าสู่ระบบ
*
เนื้อเรื่อง ข้อความบรรยายองค์พระ คำอธิบาย โปรดใช้ข้อความสุภาพในการพิมพ์
   


เว็บไซต์ kadpra.com เป็นเพียงสื่อกลางในการซื้อขาย โปรดตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด
การซื้อขายใดๆเป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
หากมีข้อพิพาทหรือปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ทางเว็บไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น...




#8022 แจ้งลบรายการนี้
ตอบเมื่อวันที่ : 12 ตุลาคม 2559,13:59น. IP address : 103.10.231.252





พิธีพุทธาภิเษก พระกริ่งเก้าแก้ว จินดามณี ณ วัดหนองพะวา

วันเสาร์ ที่ ๒๗ กรกฏาคม ๒๕๕๖

เวลา ๑๗.๐๙ น. เริ่มประกอบพิธีจุดเทียนชัย
เวลา ๑๗.๑๙ น. พระคณาจารย์ เริ่มนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก
เวลา ๑๘.๓๙ น. ดับเทียนชัย
เวลา ๑๙.๐๐ น. แจกวัตถุมงคลให้ผู้มาร่วมงาน

พระคณาจารย์ที่นิมนต์มาร่วมปรกปลุกเสกในงาน
๑. หลวงพ่ออาด วัดตะพุนทอง จ.ระยอง
๒. หลวงพ่อเจิม วัดหนองน้ำขุ่น จ.ระยอง
๓. หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง
๔. หลวงพ่อสุข วัดหนองฆ้อ จ.ระยอง
๕. พระอาจารย์นพ สำนักปฏิบัติธรรมสวนขนุน
 


ดูข้อมูลส่วนตัวสมาชิก
prarayong
สมาชิก : vip_shop
เข้าร่วม : 12 เมษายน2556
ส่งข้อความส่วนตัว (pm)
ดูข้อมูลส่วนตัวสมาชิกท่านนี้
ดูความน่าเชื่อถือ
คะแนนซื้อ-ขาย [+0] , [-0]
คะแนนมหาชน [+0] , [-0]
ตั้งประมูล [0] ,เสนอราคา [0]
ให้คะแนนมหาชน
ให้คะแนน


กาดพระดอทคอม : ศูนย์รวมเว็บพระเครื่องไทย
กาดพระ พระเครื่อง ตลาดพระ ร้านพระ ประมูลพระ เช่าพระ บูชาพระ
พระกรุ พระภาคเหนือ พระ พระพุทธรูป เครื่องราง ของขลัง เว็บพระ พระกริ่ง
Copyright Kadpra.com All right reserved. สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย เว็บไซต์กาดพระดอทคอม
ติดต่อเจ้าหน้าที่ : admin@kadpra.com | 085-522-7333 | Design by : facebook.com/ipoart.std